แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศคว้าตัว คริสเตียน เอริคเซน มาเสริมกองทัพแบบไม่มีคุณค่าตัวแล้ว โดยเซ็นสัญญาจนกระทั่งมิถานายนในปี 2025
กองกลางวัย 30 ปี แปลงเป็นนักฟุตบอลไม่มีขึ้นอยู่กับข้างหลังหมดสัญญากับเบรนท์ฟอร์ด สมาพันธ์ที่เขาไปเซ็นสัญญาระยะสั้นในตอนช่วงหลังของฤดูก่อน ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจากการลงเล่น 11 เกม ทำไป 1 ประตู 4 แอสซิสต์ รวมทั้งพาเบรนท์ฟอร์ดจนกระทั่งชั้น 13 อยู่รอดไม่มีอันตรายบนพรีเมียร์ลีกได้แบบสบายๆ
ปัจจุบันจอมบุกชาวเดนมาร์ก ได้สังกัดเดิมใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว หมายคือการมาเซ็นสัญญาแบบไม่มีคุณค่าตัวกับซาตานแดง โดยที่ผ่านการตรวจสุขภาพเป็นระเบียบ ข้างหลังที่ผ่านมามีข่าวสารว่าเขาจำเป็นจะต้องตรวจละเอียดกว่าธรรมดา เนื่องด้วยเคยมีปัญหาหัวใจจนถึงจำเป็นต้องใส่ตัวกระตุ้นกระแสไฟฟ้าหัวใจเข้าไปภายในร่างกาย
Editor Picks โปรแกรมถ่ายทอดสดบอล – มองบอลสดคืนวันนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, อื่นๆอีกมากมาย) Thai League 2021 Top Assists : สรุปชั้นจอมแอสซิสต์ไทยลีก ดาวซัลโวไทยลีก 2021 : แฮมิลตันผงาดศูนย์หน้า IN NUMBERS : ลิโอเนล เมสซี ยิงได้กี่ประตูในชีวิตค้าหน้าแข้ง?
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสมาพันธ์ที่พิเศษ รวมทั้งผมเกือบจะรอคอยไม่ไหวที่จะเริ่ม ผมเคยได้โอกาสพิเศษสำหรับการเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บ่อยครั้ง แต่ว่าการได้เสื้อที่มีสีแดงลงเล่นให้กับยูไนเต็ด จะเป็นความรู้สึกที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก”
“ผมได้โอกาสได้มองเห็นลักษณะการทำงานของ เอริค (เทน ฮาก) ที่อาแย็กซ์แล้ว รวมทั้งทราบระดับของเนื้อหารวมทั้งการเตรียมพร้อมที่เขาแล้วก็คณะทำงานของเขาใส่เข้าไปทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นที่แน่ชัดว่าเขาเป็นผู้ฝึกสอนที่สุดยอด เมื่อได้สนทนากับเขาและก็ทำความเข้าใจเสริมเติมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของเขารวมทั้งแนวทางที่เขาต้องการที่จะให้กลุ่มเล่น”
“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากมายสำหรับอนาคต ผมยังมีความทะยานอยากที่สำคัญในเกม ผมยังมีเป้าหมายอีกมายที่อยากบรรลุให้ได้ รวมทั้งนี่เป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็คสำหรับในการเดินทางถัดไปของผม” เอริคเซน กล่าวกับ manutd.com
ดังนี้ เอริคเซน ถือว่าเป็นการเสริมกองทัพรายลำดับที่สองของแมนฯ ยูไนเต็ด ในตลาดซัมเมอร์นี้ และก็ในสมัยของ เอริค เทน ฮาก ต่อจาก ครั้งเรลล์ มาลาเซีย แบ็คซ้ายดีกรีกลุ่มชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งย้ายมาจากเฟเยนูร์ด
Christian Eriksen is a RED! ✍️🔴#MUFC || @ChrisEriksen8— Manchester United (@ManUtd) July 15, 2022